สำหรับ ท่านที่กำลัง คิดออกนิสสัน ซิลฟี ต่อไปนี้ ไม่ต้องกลัว ปัญหาเรื่องป้ายทะเบียนขาด หรือ ป้ายทะเบียนแตกลายงาอีกต่อไปแล้ว
กรมการขนส่งทางบกรับป้ายทะเบียนล็อตแรกจากผู้ผลิตแล้ว 1 แสนป้าย เตรียมรับล็อตใหญ่อีก 8 ล้านกลาง ก.ย.นี้ มั่นใจไร้ปัญหาขาดแคลน แจงปัญหาแตกลายงาเลยเวลารับประกัน ต้องแก้ทีโออาร์จัดซื้อใหม่ นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้รับมอบแผ่นป้ายทะเบียนล็อตแรก จากทางผู้ผลิตตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาประมาณ 1 แสนแผ่นป้าย หลังจากนี้จะทยอยรับมอบในล็อตที่ 2 และ 3 อย่างต่อเนื่อง โดยจะรับแผ่นป้ายทะเบียนครบทั้งหมดรวม 8 ล้านแผ่นป้ายในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะไม่มีปัญหาป้ายแดงหรือป้ายดำ (แผ่นป้ายสีขาวตัวหนังสือสีดำ) ขาดแคลนเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจำนวนป้ายทะเบียน ที่กรมการขนส่งทางบกจัดซื้อมาในครั้งนี้ จะเพียงพอกับ จำนวนประชาชนที่ซื้อรถใหม่ที่ยังไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน รวมถึงผู้ที่กำลังจะ ซื้อรถใหม่อย่างแน่นอน เพราะจำนวนป้ายทะเบียนที่สั่งซื้อเพิ่มเติม มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเพียงพอกับความต้องการซื้อรถใหม่ที่มีมากขึ้น ในอนาคตด้วย
"แผ่นป้ายที่กรมการขนส่งทางบกรับมาจะเป็นแผ่นป้ายเปล่าๆ หลังจากนั้นจึงจะนำมาจัดทำเป็นแผ่นป้ายแดง และป้ายดำ รวมถึงการปั๊มตัวอักษรลงไปบนแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อส่งให้กับผู้ที่ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต่อไป"
แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัญหาป้ายทะเบียนขาดแคลนมีสาเหตุมาจากป้ายทะเบียนแตกลายงาของป้ายทะเบียนบางหมวด เช่น หมวด ฎ ข และ ฮ เป็นต้น จึงส่งผลให้ กรมการขนส่งทางบกต้องสั่งระงับการผลิตป้ายทะเบียนทั้งหมด และมีการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ จนส่งผลให้ป้ายทะเบียนขาดแคลน ทั้งป้ายแดง และป้ายดำ แต่ภายหลังกรมการขนส่งทางบก เริ่มรับมอบแผ่นป้ายในล็อตแรกมาแล้ว ก็จะเริ่มส่งมอบให้กับเจ้าของรถ ที่ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีปัญหาในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ ปัญหาป้ายแตกลายงา เป็นการจัดซื้อตั้งแต่ปี 2552 เป็นป้ายที่มีต้นทุนต่ำประมาณ 20 บาทต่อแผ่นป้าย หลังจากนำมาใช้งานประมาณ 2-3 ปี ก็เกิดปัญหา และไม่สามารถเอาผิดกับทางบริษัทผู้ผลิตได้ เนื่องจากเกินกำหนดระยะรับประกัน 1 ปีไปแล้ว การจัดซื้อครั้งใหม่กรมการขนส่งทางบกจึงต้องกำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) ใหม่ ให้รับประกัน 5 ปี เพื่อขยายเวลารับผิดชอบของบริษัทที่ชนะการประมูลให้นานมากยิ่งขึ้น หากเกิดปัญหามาอีกก็สามารถเอาผิดได้ โดยราคาจัดซื้อแผ่นป้ายทะเบียนใหม่อยู่ที่ประมาณ 35 บาทต่อแผ่น
อย่างไรก็ตาม ป้ายทะเบียนใหม่ที่กรมการขนส่งทางบกจัดซื้อรวม 8 ล้านแผ่นป้าย จะแบ่งเป็น ป้ายแดง 1.4 แสนแผ่น ป้ายรถยนต์ 4 ล้านแผ่น และป้ายรถจักรยานยนต์ 3 ล้านแผ่น จึงมั่นใจว่าจะเพียงพอกับความต้องการของผู้ที่ซื้อรถและเข้าจดทะเบียนกับกรมการขนส่งแน่นอน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ป้ายทะเบียนที่ไม่เพียงพอในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลจึงส่งผลให้มีผู้ซื้อรถใหม่เป็นจำนวนมาก โดยในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนการเข้าจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกประมาณ 50,000 คันต่อเดือน จากก่อนหน้านั้นที่มีประมาณ 20,000 คันต่อเดือนเท่านั้น แต่หลังจากทยอยรับมอบป้ายแล้ว จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแน่
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจำนวนป้ายทะเบียน ที่กรมการขนส่งทางบกจัดซื้อมาในครั้งนี้ จะเพียงพอกับ จำนวนประชาชนที่ซื้อรถใหม่ที่ยังไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน รวมถึงผู้ที่กำลังจะ ซื้อรถใหม่อย่างแน่นอน เพราะจำนวนป้ายทะเบียนที่สั่งซื้อเพิ่มเติม มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเพียงพอกับความต้องการซื้อรถใหม่ที่มีมากขึ้น ในอนาคตด้วย
"แผ่นป้ายที่กรมการขนส่งทางบกรับมาจะเป็นแผ่นป้ายเปล่าๆ หลังจากนั้นจึงจะนำมาจัดทำเป็นแผ่นป้ายแดง และป้ายดำ รวมถึงการปั๊มตัวอักษรลงไปบนแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อส่งให้กับผู้ที่ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต่อไป"
แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัญหาป้ายทะเบียนขาดแคลนมีสาเหตุมาจากป้ายทะเบียนแตกลายงาของป้ายทะเบียนบางหมวด เช่น หมวด ฎ ข และ ฮ เป็นต้น จึงส่งผลให้ กรมการขนส่งทางบกต้องสั่งระงับการผลิตป้ายทะเบียนทั้งหมด และมีการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ จนส่งผลให้ป้ายทะเบียนขาดแคลน ทั้งป้ายแดง และป้ายดำ แต่ภายหลังกรมการขนส่งทางบก เริ่มรับมอบแผ่นป้ายในล็อตแรกมาแล้ว ก็จะเริ่มส่งมอบให้กับเจ้าของรถ ที่ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีปัญหาในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ ปัญหาป้ายแตกลายงา เป็นการจัดซื้อตั้งแต่ปี 2552 เป็นป้ายที่มีต้นทุนต่ำประมาณ 20 บาทต่อแผ่นป้าย หลังจากนำมาใช้งานประมาณ 2-3 ปี ก็เกิดปัญหา และไม่สามารถเอาผิดกับทางบริษัทผู้ผลิตได้ เนื่องจากเกินกำหนดระยะรับประกัน 1 ปีไปแล้ว การจัดซื้อครั้งใหม่กรมการขนส่งทางบกจึงต้องกำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) ใหม่ ให้รับประกัน 5 ปี เพื่อขยายเวลารับผิดชอบของบริษัทที่ชนะการประมูลให้นานมากยิ่งขึ้น หากเกิดปัญหามาอีกก็สามารถเอาผิดได้ โดยราคาจัดซื้อแผ่นป้ายทะเบียนใหม่อยู่ที่ประมาณ 35 บาทต่อแผ่น
อย่างไรก็ตาม ป้ายทะเบียนใหม่ที่กรมการขนส่งทางบกจัดซื้อรวม 8 ล้านแผ่นป้าย จะแบ่งเป็น ป้ายแดง 1.4 แสนแผ่น ป้ายรถยนต์ 4 ล้านแผ่น และป้ายรถจักรยานยนต์ 3 ล้านแผ่น จึงมั่นใจว่าจะเพียงพอกับความต้องการของผู้ที่ซื้อรถและเข้าจดทะเบียนกับกรมการขนส่งแน่นอน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ป้ายทะเบียนที่ไม่เพียงพอในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลจึงส่งผลให้มีผู้ซื้อรถใหม่เป็นจำนวนมาก โดยในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนการเข้าจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกประมาณ 50,000 คันต่อเดือน จากก่อนหน้านั้นที่มีประมาณ 20,000 คันต่อเดือนเท่านั้น แต่หลังจากทยอยรับมอบป้ายแล้ว จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแน่
ขอบคุณข่าวสารจาก matichon.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น